เฟเมน-เฟมินิสต์-มุสลิม
จากกรณีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์และเรียกร้องสิทธิสตรี FEMEN (เฟเมน) 4 คน สวมชุดคลุมยาวสีดำนั่งอยู่ในที่ประชุมกับผู้เข้าร่วมงานอื่นๆ ลุกขึ้นประท้วงโดยเดินขึ้นไปบนเวที แล้วเปลือยกายท่อนบน เผยให้เห็นข้อความที่เขียนไว้บนหน้าอกพร้อมตะโกนว่า “พระเจ้าไม่ใช่นักการเมือง” (Allah is not politician.) ระหว่างที่ศาสตราจารย์ฏอริก รอมาฎอน (Tariq Ramadan) ผู้ซึ่งชุมชนมุสลิมเห็นว่าเป็นนักวิชาการสัญชาติสวิสหัวก้าวหน้ากำลังบรรยายในงานประชุมประจำปีครั้งที่ 33 ของมุสลิมในฝรั่งเศส จัดโดยสหพันธ์องค์การอิสลามแห่งฝรั่งเศส (l’UOIF) ที่ Le Bourget ฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พ.ค. 2559[i] การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชุมชนมุสลิมหลายแห่ง โดยเฉพาะในสื่อและเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า FEMEN กระทำการรุนแรงและ “ผิดคน”
การประท้วงของกลุ่ม FEMEN ในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกและไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะต่อต้านนักการศาสนาอิสลาม แต่โดยรวมกลุ่มมีความมุ่งหมายเพื่อปกป้องสิทธิและคืนอำนาจบนเนื้อตัวร่างกายให้กับผู้หญิง คัดค้านและต่อต้านการครอบงำทางเพศและการเหยียดเพศ เครือข่ายของกลุ่มกระจัดกระจายอยู่ในหลายประเทศหลังจากการเริ่มประท้วงของสมาชิกหลักในยูเครนเพื่อต่อต้านอุตสาหกรรมทางเพศและการค้าหญิงในนามองค์กรจัดหาคู่ให้ชาวต่างชาติ ต่อต้านอำนาจของสถาบันศาสนา และระบบเผด็จการตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
ส่วนใหญ่กลุ่ม FEMEN เคลื่อนขบวนไปในที่ชุมนุมสำคัญทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และศาสนา เช่น การประท้วงเปลือยอกในงานจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรมเมือง Hannover เยอรมนี เมื่อปี 2556 จนเกิดเหตุชุลมุนต่อหน้าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี[ii]
กระแสวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดและยุทธศาสตร์ที่มีต่อการดำเนินงานของกลุ่ม FEMEN จากนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก บางคนมองว่ากลุ่ม FEMEN มุ่งสร้างความตื่นตา ตรึงความสนใจจากสังคมเพียงชั่วครู่ราวการละเล่นเพื่อล้อเลียน บ้างเห็นว่าเป็นการดำเนินงานในนามของการปลดปล่อยร่างกายให้เป็นอิสระตามแนวทางของเสรีนิยมใหม่
Theresa O’Keefa[iii] เห็นว่าพื้นที่ร่วมในการเรียกร้องและปกป้องสิทธิสตรีถูกครอบครองโดยนักเคลื่อนไหวคลื่นลูกที่สาม-ยุคหลังสตรีนิยมขาดการวิพากษ์การครองอำนาจนำ ขาดการตั้งคำถามกับแนวคิดชายเป็นใหญ่ และรากเหง้าของปัญหาจากอุดมการณ์ทุนนิยม สำหรับการประท้วงเปลือยอกของ FEMEN ยังอาศัยการจับจ้องของผู้ชาย ร่างกายจึงกลายเป็นสินค้าและวัตถุที่ถูกจ้องมอง ไม่สามารถปลดปล่อยผู้หญิงให้เป็นอิสระได้
นักการศาสนาอิสลามและมุสลิมกระแสหลักมองว่าสมาชิกกลุ่ม FEMEN เป็นคนนอกรีตและเชื้อร้ายที่ทำลายสังคม โดยเฉพาะกรณีของอามีนา ไทเลอร์ (Amina Tyler) ถูกนักการศาสนาในตูนีเซียเรียกร้องให้รัฐบาลกักขังและลงโทษเธอตามหลักกฎหมายอิสลามเมื่อปี 2556 เนื่องจากเป็นผู้นำการชุมนุมหน้ามัสยิดและสถานทูตพร้อมกับปล่อยภาพเปลือยอกในสื่อเฟซบุ๊ก โดยมีข้อความประท้วงต่อต้านศีลธรรมศาสนาและแสดงจุดยืนถึงการครองสิทธิเหนือร่างกายของตนเอง รวมถึงการไม่ถูกครอบงำและกดขี่เป็นภาษาอาหรับและอังกฤษว่า
“Fuck your morals.” “My body belongs to me and is not the source of anyone’s honor.”
มุสลิมเป็นจำนวนมากและนักสตรีนิยมบางกลุ่มเห็นว่าอามีนาถูกใช้เพื่อสร้างและขยายโครงการต่อต้านอิสลามในงานรณรงค์เพื่อเปลือยอกต่อสู้กับความอธรรมสากล (International Topless Jihad) จนเกิดขบวนผู้หญิงมุสลิมต่อต้านกลุ่ม FEMEN ตั้งชื่อว่า Muslimah Pride Day