การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำรงอยู่ของผดุงครรภ์โบราณของชาวมุสลิมในการอนามัยแม่และเด็ก การศึกษาใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างคือ ผดุงครรภ์โบราณ จำนวน 1 ราย หญิงมีครรภ์จำนวน 14 ราย และหญิงหลังคลอดจำนวน 32 ราย ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลในพื้นที่ศึกษาทั้งสิ้น 4 เดือน ตั้งแต่ เดือน พ.ย. 2540- มี.ค. 2541
ผลการศึกษาพบว่า หญิงมีครรภ์และหลังคลอดในชุมชนมีรูปแบบการรับบริการผสมผสานทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ กล่าวคือ หญิงมีครรภ์ทุกรายผ่านการฝากครรภ์กับสถานีอนามัยเมื่อถึงเวลาคลอดพบว่า ส่วนใหญ่นิยมรับบริการกับผดุงครรภ์โบราณยังมีบทบาทสำคัญในการคัดท้อง การทำคลอด และการดูแลหลังคลอด วิธีการให้บริการมีการผสมผสานทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณเข้าด้วยกัน จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำรงอยู่ขอผดุงครรภ์โบราณมีดังนี้
ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรมประกอบด้วย
1. ศาสนา เนื่องจากผดุงครรภ์โบราณเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเกิดความไว้วางใจ นอกจากนี้วิธีการให้บริการยังให้บริการแบบมิดชิด ซึ่งชาวมุสลิมถือว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องต้องปกปิด ทำให้มีความเต็มใจที่จะรับบริการ
2. ความเชื่อเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการคลอด เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าการตั้งครรภ์เกิดจากพระเจ้า ดังนั้นหากเกิดปัญหาจากการให้บริการของผดุงครรภ์โบราณ ชาวบ้านก็ไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด แต่มองว่าเป็นความประสงค์ของพระเจ้า นอกจากนี้ในมุมมองของชาวบ้าน การตั้งครรภ์ไม่ถือว่าเป็นเรื่อเจ็บป่วย ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
3. ความสัมพันธ์กับเครือข่ายทางสังคม ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับญาติพี่น้อง ทำให้ยังคงมีการถ่ายทอดความเชื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผดุงครรภ์โบราณและระบบบริการประกอบ ด้วย
1. การยอมรับผู้ให้บริการ เนื่องจากผดุงครรภ์โบราณเป็นผู้อาวุโส รวมทั้งวิธีให้บริการยังมีการผสมผสานทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบันเข้าด้วยกัน ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากชุมชน
2. รูปแบบบริการ มีลักษณะเรียบง่ายและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน
3. ค่าใช้จ่าย การรับบริการไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก